TH

|

EN

เลือกประกันรถยนต์จนตาลาย ใครก็ได้ช่วยด้วย!

เลือกประกันรถยนต์จนตาลาย ใครก็ได้ช่วยด้วย!

ธันวาคม 09, 2564 |
โพสโดย : HOWDENMAXI

โดยปกติรถยนต์ทุกคันก็จะต้องมีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับที่เรียกว่า‘พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ’ หรือ‘พ.ร.บ.’ กันอยู่แล้ว ซึ่งพ.ร.บ.นั้นจะคุ้มครองเฉพาะชีวิตและร่างกายของผู้ประสบอุบัติเหตุที่เกิดจากรถ แต่ไม่รวมถึงทรัพย์สินและตัวรถยนต์ ดังนั้นการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่จะให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมจากพ.ร.บ.จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยรองรับความเสี่ยงหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อมีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด

ทว่าประกันภัยรถยนต์นั้นก็มีหลากหลายแผนมากมายให้ผู้ใช้รถได้เลือกกันจนตาลายไปข้าง เพราะต้องเจอทั้งแผนประกันชั้น 1, 2+, 2, 3+, 3 ที่ชวนให้สงสัยว่ามันต่างกันยังไง แล้วต้องเลือกซื้อแบบไหนถึงจะดี วันนี้เราจึงเตรียมคำตอบมาช่วยเคลียร์ให้ทุกคนหายข้องใจเอาไว้แล้ว

 

 

ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่าใน 1 กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ จะมีความคุ้มครองแบ่งออกเป็น 3 หมวด ดังนี้

1) หมวดที่ 1 การคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ได้แก่ ชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก, ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

2) หมวดที่ 2 การคุ้มครองตัวรถยนต์เอาประกันภัย ได้แก่ ความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์เอาประกันภัย, การลักทรัพย์, ไฟไหม้, การชนกับยานพาหนะทางบก

3) หมวดที่ 3 การคุ้มครองเพิ่มเติม ในส่วนนี้จะให้การคุ้มครองผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถคันที่เอาประกันภัย ได้แก่ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล รวมถึงการถูกฆาตกรรมจากการใช้รถยนต์, ค่ารักษาพยาบาล, การประกันตัวผู้ขับขี่ กรณีรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุเป็นเหตุให้ถูกควบคุมตัวในคดีอาญา

ทั้งนี้ส่วนที่ประกันภัยรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นชั้นไหนก็จะให้ความคุ้มครองเหมือนกันเลยก็คือ การคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก และการคุ้มครองเพิ่มเติม แต่สิ่งที่ประกันชั้น 1, 2+, 2, 3+, 3 จะแตกต่างกันไปก็คือการคุ้มครองตัวรถยนต์นั่นเอง 

 

เรามาเริ่มจากประกันภัยรถยนต์ ชั้น 3 กันดีกว่า ประกันชั้น 3 เป็นชั้นที่จะให้ความคุ้มครองน้อยที่สุดหรือเป็นขั้นพื้นฐานที่สุดจากประกันทุกชั้น แต่ก็จะมีเบี้ยประกันถูกที่สุดเช่นกัน ประกันชั้น 3 จะให้การคุ้มครองเพียงความรับผิดต่อบุคคลภายนอกและการคุ้มครองเพิ่มเติม เรียกง่ายๆ ว่าคุ้มครองตัวเรา ตัวเขา และทรัพย์สินของเขา แต่ไม่คุ้มครองรถเรานั่นเอง ประกันชั้น 3 นั้นเหมาะกับคนที่มีรถเก่าหลายปีแล้ว, คนที่มีความระมัดระวังสูง ไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถเองได้, หรือคนที่ต้องการประหยัดเบี้ยประกันภัย

 

ถัดไปเป็นประกันชั้น 3+ ซึ่งจะเพิ่มการคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ในกรณีที่เกิดการชนแบบมีคู่กรณี ก็จะทำให้เราอุ่นใจขึ้นมาหน่อยว่าไม่ต้องแบกรับค่าซ่อมรถเองทั้งหมด ประกันชั้น 3+ เหมาะกับรถที่ใช้มาหลายปีแล้ว รถราคาไม่สูง หรือคนที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ

 

ประกันชั้น 2 จะเพิ่มการคุ้มครองไฟไหม้ และสูญหายจากการถูกโจรกรรม ไม่ว่าจะเป็นตัวรถยนต์หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถยนต์ รวมทั้งอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้มาสักพัก หรืออยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม 

 

 

ประกันชั้น 2+ นั้นใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 มากๆ แต่จะมีเบี้ยประกันภัยที่ถูกกว่า โดยจะให้การคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ในกรณีการชนแบบมีคู่กรณี ไฟไหม้ สูญหาย จัดว่าเป็นแผนประกันที่มีประโยชน์มากทีเดียว

 

ประกันชั้น 1 ครอบคลุมทุกอย่างที่กล่าวมา รวมถึงการชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น การที่เราถอยรถไปชนกระถางต้นไม้ หรือขับรถไปขูดเสาในลานจอดรถ เรียกได้ว่าประกันชั้น 1 เป็นอะไรที่ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกสบายใจสุดๆ เลยก็ว่าได้ แต่ก็มาพร้อมกันเบี้ยประกันภัยที่สูงมากเช่นกัน โดยประกันชั้น 1 เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งออกรถใหม่หรือมีรถยนต์ราคาสูง และมือใหม่หัดขับ 

 

ตอนนี้หลายคนคงพอจะมีแผนประกันภัยรถยนต์อยู่ในใจกันแล้วใช่มั้ยว่าจะเลือกชั้นไหน ทว่าต่อให้เรามีประกันภัยรถยนต์กันเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ห้ามเมาแล้วขับเด็ดขาด เพราะนั่นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการสูญเสียชีวิตหรือทรัพย์สินทั้งของตนเองและผู้อื่นได้ ถือเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมาย แถมประกันภัยรถยนต์ยังไม่คุ้มครองในส่วนความรับผิดต่อบุคคลภายนอกและความเสียหายต่อตัวรถยนต์ในกรณีที่เมาแล้วขับอีกด้วย บริษัทประกันเพียงจะช่วยชดใช้ให้ก่อนเท่านั้น แต่ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายคืนให้บริษัท นับตั้งแต่มีหนังสือจากบริษัท ดังนั้นทุกครั้งที่จับพวงมาลัยจะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา รักษามารยาทบนท้องถนน ปฏิบัติตามกฎและวินัยทางจราจรอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุลงได้ อีกอย่างคือต้องใจเย็นๆ กันด้วยนะ จะได้ถึงที่หมายกันอย่างปลอดภัยและมีสวัสดิภาพในทุกๆ วัน 

 

       

โดยปกติรถยนต์ทุกคันก็จะต้องมีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับที่เรียกว่า‘พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ’ หรือ‘พ.ร.บ.’ กันอยู่แล้ว ซึ่งพ.ร.บ.นั้นจะคุ้มครองเฉพาะชีวิตและร่างกายของผู้ประสบอุบัติเหตุที่เกิดจากรถ แต่ไม่รวมถึงทรัพย์สินและตัวรถยนต์ ดังนั้นการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่จะให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมจากพ.ร.บ.จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยรองรับความเสี่ยงหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อมีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด

ทว่าประกันภัยรถยนต์นั้นก็มีหลากหลายแผนมากมายให้ผู้ใช้รถได้เลือกกันจนตาลายไปข้าง เพราะต้องเจอทั้งแผนประกันชั้น 1, 2+, 2, 3+, 3 ที่ชวนให้สงสัยว่ามันต่างกันยังไง แล้วต้องเลือกซื้อแบบไหนถึงจะดี วันนี้เราจึงเตรียมคำตอบมาช่วยเคลียร์ให้ทุกคนหายข้องใจเอาไว้แล้ว

 

 

ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่าใน 1 กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ จะมีความคุ้มครองแบ่งออกเป็น 3 หมวด ดังนี้

1) หมวดที่ 1 การคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ได้แก่ ชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก, ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

2) หมวดที่ 2 การคุ้มครองตัวรถยนต์เอาประกันภัย ได้แก่ ความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์เอาประกันภัย, การลักทรัพย์, ไฟไหม้, การชนกับยานพาหนะทางบก

3) หมวดที่ 3 การคุ้มครองเพิ่มเติม ในส่วนนี้จะให้การคุ้มครองผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถคันที่เอาประกันภัย ได้แก่ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล รวมถึงการถูกฆาตกรรมจากการใช้รถยนต์, ค่ารักษาพยาบาล, การประกันตัวผู้ขับขี่ กรณีรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุเป็นเหตุให้ถูกควบคุมตัวในคดีอาญา

ทั้งนี้ส่วนที่ประกันภัยรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นชั้นไหนก็จะให้ความคุ้มครองเหมือนกันเลยก็คือ การคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก และการคุ้มครองเพิ่มเติม แต่สิ่งที่ประกันชั้น 1, 2+, 2, 3+, 3 จะแตกต่างกันไปก็คือการคุ้มครองตัวรถยนต์นั่นเอง 

 

เรามาเริ่มจากประกันภัยรถยนต์ ชั้น 3 กันดีกว่า ประกันชั้น 3 เป็นชั้นที่จะให้ความคุ้มครองน้อยที่สุดหรือเป็นขั้นพื้นฐานที่สุดจากประกันทุกชั้น แต่ก็จะมีเบี้ยประกันถูกที่สุดเช่นกัน ประกันชั้น 3 จะให้การคุ้มครองเพียงความรับผิดต่อบุคคลภายนอกและการคุ้มครองเพิ่มเติม เรียกง่ายๆ ว่าคุ้มครองตัวเรา ตัวเขา และทรัพย์สินของเขา แต่ไม่คุ้มครองรถเรานั่นเอง ประกันชั้น 3 นั้นเหมาะกับคนที่มีรถเก่าหลายปีแล้ว, คนที่มีความระมัดระวังสูง ไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถเองได้, หรือคนที่ต้องการประหยัดเบี้ยประกันภัย

 

ถัดไปเป็นประกันชั้น 3+ ซึ่งจะเพิ่มการคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ในกรณีที่เกิดการชนแบบมีคู่กรณี ก็จะทำให้เราอุ่นใจขึ้นมาหน่อยว่าไม่ต้องแบกรับค่าซ่อมรถเองทั้งหมด ประกันชั้น 3+ เหมาะกับรถที่ใช้มาหลายปีแล้ว รถราคาไม่สูง หรือคนที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ

 

ประกันชั้น 2 จะเพิ่มการคุ้มครองไฟไหม้ และสูญหายจากการถูกโจรกรรม ไม่ว่าจะเป็นตัวรถยนต์หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถยนต์ รวมทั้งอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้มาสักพัก หรืออยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม 

 

 

ประกันชั้น 2+ นั้นใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 มากๆ แต่จะมีเบี้ยประกันภัยที่ถูกกว่า โดยจะให้การคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ในกรณีการชนแบบมีคู่กรณี ไฟไหม้ สูญหาย จัดว่าเป็นแผนประกันที่มีประโยชน์มากทีเดียว

 

ประกันชั้น 1 ครอบคลุมทุกอย่างที่กล่าวมา รวมถึงการชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น การที่เราถอยรถไปชนกระถางต้นไม้ หรือขับรถไปขูดเสาในลานจอดรถ เรียกได้ว่าประกันชั้น 1 เป็นอะไรที่ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกสบายใจสุดๆ เลยก็ว่าได้ แต่ก็มาพร้อมกันเบี้ยประกันภัยที่สูงมากเช่นกัน โดยประกันชั้น 1 เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งออกรถใหม่หรือมีรถยนต์ราคาสูง และมือใหม่หัดขับ 

 

ตอนนี้หลายคนคงพอจะมีแผนประกันภัยรถยนต์อยู่ในใจกันแล้วใช่มั้ยว่าจะเลือกชั้นไหน ทว่าต่อให้เรามีประกันภัยรถยนต์กันเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ห้ามเมาแล้วขับเด็ดขาด เพราะนั่นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการสูญเสียชีวิตหรือทรัพย์สินทั้งของตนเองและผู้อื่นได้ ถือเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมาย แถมประกันภัยรถยนต์ยังไม่คุ้มครองในส่วนความรับผิดต่อบุคคลภายนอกและความเสียหายต่อตัวรถยนต์ในกรณีที่เมาแล้วขับอีกด้วย บริษัทประกันเพียงจะช่วยชดใช้ให้ก่อนเท่านั้น แต่ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายคืนให้บริษัท นับตั้งแต่มีหนังสือจากบริษัท ดังนั้นทุกครั้งที่จับพวงมาลัยจะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา รักษามารยาทบนท้องถนน ปฏิบัติตามกฎและวินัยทางจราจรอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุลงได้ อีกอย่างคือต้องใจเย็นๆ กันด้วยนะ จะได้ถึงที่หมายกันอย่างปลอดภัยและมีสวัสดิภาพในทุกๆ วัน 

 

       

SHARE